แบรนด์ น้ําหอม ระดับโลก

แบรนด์ น้ําหอม ระดับโลก

แบรนด์ น้ําหอม ระดับโลก น้ำหอมเป็นเครื่องประดับที่มีเสน่ห์และดึงดูดใจซึ่งมีมาหลายร้อยปีแล้ว มันถูกสร้างขึ้นโดยผู้สูบบุหรี่จำนวนมาก จนกลายเป็นความจำเป็นในการช่วยส่งเสริมบุคลิกลักษณะและตัวตนของคนในสังคม แบรนด์น้ำหอมดั้งเดิมก็ยังคงมีอยู่ หรือบางแบรนด์ก็หายไปตามกาลเวลา แบรนด์น้ำหอมใหม่ๆผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดในหน้าฝน สอดคล้องกับกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

คุณยังจำวัยเยาว์ของคุณได้หรือไม่? เวลาไปเล่นในห้องนอนพ่อแม่ คุณเคยปีนขึ้นไปบนเก้าอี้เพื่อดูโต๊ะเครื่องแป้งของคุณหรือไม่? หรือเดินไปเข้าห้องน้ำเล่นอ่างล้างจานแถวนั้นมักจะมีขวดแก้วสวยๆ เรียงกันจนเกิดความสงสัยอยากจะหยิบมาเล่นดูบ้าง แต่เวลาพ่อหรือแม่มาหาเขามักจะพูดเสมอว่า อย่าเล่นนะ แต่ในโอกาสพิเศษฉันมักจะเห็นพ่อแม่ถือขวดแก้วสวยๆ กลิ่นหอมอ่อนๆ โชยมาแตะปลายจมูกสะท้อน เป็นความรู้สึกพิเศษที่ไม่เหมือนวันอื่นๆ มันทำให้ฉันรู้สึกมีพลังงานบางอย่าง ความอยากรู้อยากเห็นเก็บไว้ในสมองของเรา เกิดเป็นความทรงจำ “น้ำหอมวิเศษ”

แต่น้ำหอมยังคงเป็นโลกแห่งแฟชั่น บางยี่ห้อเคยมีมาแล้ว และบางแบรนด์ที่สูญหายไปตามกาลเวลายังคงครองใจคนในปัจจุบัน ไม่เพียงเท่านั้น น้ำหอมยังเกี่ยวกับเคมีที่ใช้กับผิวด้วย ในขณะที่อุตสาหกรรมน้ำหอมเติบโต ชุมชนวิทยาศาสตร์ก็เติบโตเช่นกัน ดังนั้นเรื่องความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญที่แบรนด์น้ำหอมให้ความสำคัญเสมอมาน้ำหอมบางตัวต้องปรับสูตรเพื่อความปลอดภัยของลูกค้าจึงเป็นที่ต้องการของนักสะสมทั้งเก่าและใหม่

ถ้าคุณชอบน้ำหอม เราขอแนะนำแบรนด์น้ำหอมมาตรฐานที่คุณยังหาซื้อได้ และกลิ่นเหล่านี้อาจทำให้คุณนึกถึงกลิ่นแห่งความสุขในอดีต

แบรนด์ น้ําหอม ระดับโลก D.R.HARRIS4711 ORIGINAL EAU DE COLOGNE (1792)

หนึ่งในน้ำหอมคลาสสิกที่ยังคงมีขายอยู่ในปัจจุบัน แม้จะมีการปรับเปลี่ยนสูตรมาแล้วหลายครั้ง แต่มันยังคงเป็นน้ำหอมที่ขายได้อยู่เสมอ ด้วยกลิ่นหอมหวานของลาเวนเดอร์ที่ผสมกับมัสก์ (Musk) ซึ่งมีกลิ่นคล้ายกับกลิ่นของผลิตภัณฑ์หลังโกนหนวดที่มีคุณภาพ

4711 ORIGINAL EAU DE COLOGNE (1792)

4711 ORIGINAL EAU DE COLOGNE (1792)

นี่คือโอ เดอ โคโลญจน์ (Eau de Cologne) กลิ่นแรกของโลก และเป็นหนึ่งในกลิ่นที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด ออกแบบโดยโจวานนี มาเรีย ฟารินา (Giovanni Maria Farina) โดยมีส่วนผสมของน้ำมันส้ม, ใบโหระพา, พีช, มัสก์, เมลอน, ลิลลี และไม้จันทน์หอม โดย Eau de Cologne 4711 ได้รับการตั้งชื่อตามสถานที่ตั้งที่ Glockengasse No. 4711

COLONIA (1916) ACQUA DI PARMA

COLONIA (1916)

เรียกว่าเป็นน้ำหอมที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับผู้ชาย ช่วยสร้างความมีชีวิตชีวาด้วยกลิ่นของตระกูลผลไม้ (Fruity) และกลิ่นตระกูลส้ม (Citrus) ของซิซิลี เติมเต็มความสดชื่นให้แก่ชีวิต และสามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวัน

NO.5 (1921) CHANEL

NO.5 (1921)

ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือน้ำหอมที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดตลอดกาล และกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นหลังจากมาริลิน มอนโร (Marilyn Monroe) กล่าวว่า เธอใช้มันก่อนเข้านอนเสมอ โดดเด่นด้วยกลิ่นหอมของกุหลาบ ดอกมะลิ ซิตรัส และวานิลลา ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่เข้าถึงง่ายแต่ทรงพลัง และเป็นน้ำหอมแนวใหม่ที่ใช้ส่วนผสมอย่างแอลดีไฮด์ (Aldehyde) เป็นส่วนประกอบทางเคมีที่ไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับในสมัยนั้น จนเกิดเป็นกระแสที่เปลี่ยนแปลงไปในโลกน้ำหอม จนปัจจุบัน No.5 แบตช์แรกๆ ได้กลายเป็นน้ำหอมที่นักสะสมต่างออกตามหาเพื่อนำมาสะสม

SHALIMAR (1925) GUERLAIN

SHALIMAR (1925) GUERLAIN

กรุ่นกลิ่นหอมจากฝั่งตะวันออกแบรนด์แรกๆ ที่รับแรงบันดาลใจจากสวนชาลิมาร์ (Shalimar Gardens) ซึ่งจักรพรรดิชาร์ จามาร์ (Shah Jahan) ได้สร้างให้กับภรรยาของเขา โดยมีโน้ตของมะกรูด, กุหลาบ, มะลิ และเมล็ดถั่วตองกา กลายเป็นน้ำหอมอมตะมาจนถึงปัจจุบัน

POUR MONSIEUR (1955) CHANEL

POUR MONSIEUR (1955)

น้ำหอมผู้ชายที่ตั้งแต่เปิดตัวมาจนถึงปัจจุบัน ได้มีการปรับสูตรมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังคงครองใจผู้ชายหลายๆ คนด้วยกลิ่นโทนซิตรัส, อโรมาติก และวูดดี้ที่ใช้ง่าย ไม่ซับซ้อนมาก สามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งปัจจุบันน้ำหอมกลิ่นนี้มีหลายความเข้มข้นให้เลือกใช้ตามโอกาสอีกด้วย

EAU SAUVAGE (1966) CHRISTIAN DIOR

EAU SAUVAGE (1966)

แค่ได้ยินความหมายว่าของชื่อที่แปลว่า ‘น้ำในป่า’ ก็สัมผัสได้ถึงเสน่ห์เฉพาะตัว กับกลิ่นเผ็ดร้อนของเครื่องเทศและซิตรัสที่ให้ความรู้สึกสดชื่นปนอบอุ่น ทำให้เป็นที่นิยมมากในหมู่ผู้ชายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และยังเคยเป็นกระแสในกลุ่มคนรักน้ำหอมต่างประเทศว่า ห้ามพูดถึงน้ำหอมกลุ่มนี้เด็ดขาด เพราะทุกการรีวิวการจัดอันดับมักจะมีน้ำหอมกลิ่นนี้ติดอันดับด้วยเสมอ

OPIUM (1977) YVES SAINT LAURENT

OPIUM (1977) YVES SAINT LAURENT

ด้วยกลิ่นที่ล้ำลึกของส้มแมนดาริน, มดยอบ (ยางหอมที่ได้จากเปลือกไม้) และอำพัน กับเรื่องราวอื้อฉาว ทำให้น้ำหอมกลิ่นนี้กลายเป็นน้ำหอมที่ถูกวิจารณ์ในแง่ลบ และถูกห้ามนำเข้าในหลายประเทศ แต่มันกลับได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และกลายเป็นกลิ่นน้ำหอมที่ผู้คนต้องการมากที่สุดในช่วงเวลานั้น

POLO GREEN (1978) POLO RALPH LAUREN

POLO GREEN (1978) POLO RALPH LAUREN

ความหอมของกลิ่นอโรมาติก, หนัง และวูดดี้ เป็นกลิ่นที่น่าหลงใหลที่ผู้ชายในสมัยนั้นต้องมีไว้ในครอบครอง ทั้งนี้ ก็เพื่อถ่ายทอดข้อความเกี่ยวกับตัวละครที่บริสุทธิ์ และต้องการความแตกต่างจากผู้อื่น อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพที่มีสไตล์เป็นของตัวเองได้อีกด้วย

EAU POUR HOMME (1984) ARMANI

EAU POUR HOMME (1984) ARMANI

น้ำหอมแฟชั่นที่แฝงไว้ด้วยความคลาสสิกผสมผสานกับความโมเดิร์น เพื่อสร้างแก่นแท้ของผู้ชายร่วมสมัยได้อย่างลงตัว เปิดด้วยกลิ่นของซิตรัสและเครื่องเทศ ซึ่งให้กลิ่นที่มีความอบอุ่นและหนักแน่นขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปด้วยกลิ่นในแบบวูดดี้